วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หูทิพย์ ตาทิพย์

หูทิพย์  ตาทิพย์  เป็นคุณสมบัติพิเศษของบุคคลพิเศษ  ที่สามารถเห็นหรือได้ยินทะลุมิติ  ไม่ว่าใครจะพูดจะทำอะไรที่ไหนก็รู้เห็นได้ชัดเจน  บุคคลที่จะมีคุณสมบัติพิเศษแบบนี้  ก็มีแต่เทวดา  เป็นต้นว่า  พระอินทร์  หรือไม่ก็อริยบุคคลที่ได้บำเพ็ญเพียร  จนบรรลุได้ฌาณขั้นสูง ๆ

 พระอินทร์นั้น  ว่ากันว่ามีสมบัติทิพย์มากมาย  หนึ่งในสมบัติทิพย์นั้นก็คือทิพยอาสน์หรือแท่น  ที่ปกติจะนุ่มละไม  แต่ถ้าเกิดเหตุเภทภัย  มีคนดีต้องได้รับเคราะห์กรรมถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ แท่นของพระอินทร์จะ "กระด้างดังศิลา"  แล้วพระอินทร์ผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขเหมือน กทม. ก็จะส่องทิพยเนตร  คือตาทิพย์สแกนหาสาเหตุว่ามีใครกำลังเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ที่ไหน  เหมือนอย่างตอนที่พระสังข์ตกยากเป็นเจ้าเงาะ  ถูกพ่อตาคือท้าวสามลกลั่นแกล้งให้ไปอยู่ปลายนา  ทิพยอาสน์ก็กระด้างจนพระอินทร์ต้องส่องทิพยเนตรมาดู  แล้วก็เลยต้องดำเนินการแปลงกายยกทัพมาท้าท้าวสามลตีคลีเอาบ้านเมือง  เพื่อให้พระสังข์ถอดเงาะ  และยังได้สำแดงฝีมือตีคลีช่วยบ้านเมือง

อีกเรื่องหนึ่งที่เล่าถึงเรื่องตาทิพย์ของพระอินทร์  ก็คือมหาเวสสันดร  ตอนที่พระเวสสันดรบำเพ็ญทาน  บริจาคเสียจนหมดเนื้อหมดตัว  แม้แต่สองกุมารก็ยกให้ไปเป็นข้าชูชก  เหลืออยู่แต่พระมัทรี  พระอินทร์ก็แจ้งเหตุด้วยตาทิพย์  จนนิ่งนอนใจไม่ได้  ต้องแปลงเป็นพราหมณ์ชรามาขอพระมัทรีตัดหน้าคนอื่น ๆ เสียก่อน  แล้วก็ทำทีว่าไม่สะดวกจะพาไปด้วย  ต้องฝากพระเวสสันดรไว้  เพื่อป้องกันไม่ให้พระเวสสันดรเอาพระมัทรีไปยกให้ใครเรื่อยเปื่อยไปอีก

บรรดาฤาษีทั้งหลายที่บำเพ็ญฌาณขั้นสูง ๆ ก็ว่ากันว่ามีหูทิพย์ตาทิพย์  อยากรู้อะไรก็รู้ได้  อย่างเช่นตอนที่นางอนุสยินี  นางฟ้าแสนสวยในเรื่องกนกนครรับพนันขันต่อมายั่วยวนทำลายตบะฤาษี  พระฤาษีลืมตาขึ้นมาปุ๊บ  ไม่ต้องถามไถ่ให้มากความ  ใช้ฌาณสำรวจรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร  มาด้วยเจตนาอะไร

หรืออย่างพระฤาษีที่เกาะแก้วพิสดาร  อาจารย์ของสุดสาคร  นั่นก็หูทิพย์ตาทิพย์  เล็งญาณก็รู้แจ้งตั้งแต่เรื่องนางผีเสื้อสมุทรเกิดมาจากไหน  มีฤทธิ์เพราะอะไร  รวมทั้งวิธีกำจัดนางผีเสื้อก็รู้แจ้งแทงตลอด  รวมทั้งตอนที่สุดสาครถูกชูชกผลักตกเหว  พระฤาษีก็รู้ได้ด้วยฌาน  จึงมาช่วยสุดสาครไว้ได้

คนอีกประเภทหนึ่งที่เปรียบได้กับหูทิพย์ตาทิพย์  แต่ออกจะไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่  ก็คือพวกที่สำนวนเปรียบเทียบว่า "หูผี  จมูกมด"  คือมีคุณสมบัติด้านสอดรู้สอดเห็น  ไม่ใช่เพราะฌาน  แต่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว  คนประเภทนี้แหละที่มีคำเตือนให้ระวังให้จงหนัก   เพราะเที่ยวรู้ความลับของคนอื่น  แถมยังเอาไปเที่ยวโพนทะนา

คำพังเพยเตือนใจให้ระมัดระวังที่ดูเหมือนเข้าคู่กับคนประเภทหูผีจมูกมดก็คือ  เตือนตัวเองให้ระมัดระวังให้จงหนัก  เพราะ "หน้าต่างมีหู  ประตูมีตา"  แปลว่า  ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไร  ถ้าไม่ระมัดระวังก็มีโอกาสรั่วไหลไปถึงบุคคลที่สามได้ทั้งนั้น

มาถึงยุคเทคโนโลยี  โลกไร้พรมแดน  ข่าวสารยิ่งแพร่สะพัดรวดเร็ว  มีเทคโนโลยีที่ช่วยตอบสนองคนสอดรู้สอดเห็น   ให้ได้สอดรู้เรื่องของชาวบ้านได้มากมายอย่างน่าอัศจรรย์  จึงได้มีคลิปลับ  เทปลับที่รั่วไหลหลุดลอดออกมาให้เห็นกันไม่เว้นแต่ละวัน  คนในสังคมก็เลยมีหูทิพย์ตาทิพย์ได้ง่ายดาย  เที่ยวได้รู้เรื่องลับของใครต่อใครไปทั่ว  ส่วนคนประเภทหูผีจมูกมด  ก็เห็นจะหนีไม่พ้นบรรดานักเล่าข่าว  กระจิบกระจอกข่าวที่เที่ยวขุดคุ้ยเรื่องมาตีแผ่ให้โลกประจักษ์  ตามแนวทฤษฏีที่ว่า "ความลับไม่มีในโลก"  หรือสโลแกนเก๋ ๆ ที่ว่า "เรารู้  คุณรู้  โลกรู้..."  กลายเป็นดีไป   ทั้ง ๆ  ที่คนประเภทนี้  สมัยก่อนเรียกว่า "ฆ้องปากแตก"

เพิ่มคำอธิบายภาพ
สำนวนสำหรับคนรับสาร  จึงน่าจะเป็น "ฟังหู  ไว้หู"  "พกหินดีกว่าพกนุ่น"  จัดเรื่องราวข่าวสารที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเราไว้ในลำดับที่ "รู้ไว้ใช่ว่า  ใส่บ่าแบกหาม"  แล้วก็  "ชั่วช่างชี  ดีช่างสงฆ์"

ไม่ต้องไป  "อิน"  "ฟิน" ทุกเรื่อง  จนกลายเป็นทาสทางความคิดของบรรดานักเล่าข่าว

สรุปท้ายก็คือ "โปรดใช้วิจารณญาณในการฟังและชม" นั่นแหละ

บรรดาเทพ  และฤาษี ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์  อยากรู้อะไรก็รู้ได้หมด แต่ยังดำรงมั่นอยู่ในธรรมได้ก็เพราะ  "มีวิจารณญาณ "  นี่แหละ