พระอินทร์นั้น ว่ากันว่ามีสมบัติทิพย์มากมาย หนึ่งในสมบัติทิพย์นั้นก็คือทิพยอาสน์หรือแท่น ที่ปกติจะนุ่มละไม แต่ถ้าเกิดเหตุเภทภัย มีคนดีต้องได้รับเคราะห์กรรมถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ แท่นของพระอินทร์จะ "กระด้างดังศิลา" แล้วพระอินทร์ผู้มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขเหมือน กทม. ก็จะส่องทิพยเนตร คือตาทิพย์สแกนหาสาเหตุว่ามีใครกำลังเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ที่ไหน เหมือนอย่างตอนที่พระสังข์ตกยากเป็นเจ้าเงาะ ถูกพ่อตาคือท้าวสามลกลั่นแกล้งให้ไปอยู่ปลายนา ทิพยอาสน์ก็กระด้างจนพระอินทร์ต้องส่องทิพยเนตรมาดู แล้วก็เลยต้องดำเนินการแปลงกายยกทัพมาท้าท้าวสามลตีคลีเอาบ้านเมือง เพื่อให้พระสังข์ถอดเงาะ และยังได้สำแดงฝีมือตีคลีช่วยบ้านเมือง
อีกเรื่องหนึ่งที่เล่าถึงเรื่องตาทิพย์ของพระอินทร์ ก็คือมหาเวสสันดร ตอนที่พระเวสสันดรบำเพ็ญทาน บริจาคเสียจนหมดเนื้อหมดตัว แม้แต่สองกุมารก็ยกให้ไปเป็นข้าชูชก เหลืออยู่แต่พระมัทรี พระอินทร์ก็แจ้งเหตุด้วยตาทิพย์ จนนิ่งนอนใจไม่ได้ ต้องแปลงเป็นพราหมณ์ชรามาขอพระมัทรีตัดหน้าคนอื่น ๆ เสียก่อน แล้วก็ทำทีว่าไม่สะดวกจะพาไปด้วย ต้องฝากพระเวสสันดรไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พระเวสสันดรเอาพระมัทรีไปยกให้ใครเรื่อยเปื่อยไปอีก
บรรดาฤาษีทั้งหลายที่บำเพ็ญฌาณขั้นสูง ๆ ก็ว่ากันว่ามีหูทิพย์ตาทิพย์ อยากรู้อะไรก็รู้ได้ อย่างเช่นตอนที่นางอนุสยินี นางฟ้าแสนสวยในเรื่องกนกนครรับพนันขันต่อมายั่วยวนทำลายตบะฤาษี พระฤาษีลืมตาขึ้นมาปุ๊บ ไม่ต้องถามไถ่ให้มากความ ใช้ฌาณสำรวจรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร มาด้วยเจตนาอะไร
หรืออย่างพระฤาษีที่เกาะแก้วพิสดาร อาจารย์ของสุดสาคร นั่นก็หูทิพย์ตาทิพย์ เล็งญาณก็รู้แจ้งตั้งแต่เรื่องนางผีเสื้อสมุทรเกิดมาจากไหน มีฤทธิ์เพราะอะไร รวมทั้งวิธีกำจัดนางผีเสื้อก็รู้แจ้งแทงตลอด รวมทั้งตอนที่สุดสาครถูกชูชกผลักตกเหว พระฤาษีก็รู้ได้ด้วยฌาน จึงมาช่วยสุดสาครไว้ได้
คนอีกประเภทหนึ่งที่เปรียบได้กับหูทิพย์ตาทิพย์ แต่ออกจะไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ก็คือพวกที่สำนวนเปรียบเทียบว่า "หูผี จมูกมด" คือมีคุณสมบัติด้านสอดรู้สอดเห็น ไม่ใช่เพราะฌาน แต่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว คนประเภทนี้แหละที่มีคำเตือนให้ระวังให้จงหนัก เพราะเที่ยวรู้ความลับของคนอื่น แถมยังเอาไปเที่ยวโพนทะนา
คำพังเพยเตือนใจให้ระมัดระวังที่ดูเหมือนเข้าคู่กับคนประเภทหูผีจมูกมดก็คือ เตือนตัวเองให้ระมัดระวังให้จงหนัก เพราะ "หน้าต่างมีหู ประตูมีตา" แปลว่า ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไร ถ้าไม่ระมัดระวังก็มีโอกาสรั่วไหลไปถึงบุคคลที่สามได้ทั้งนั้น
มาถึงยุคเทคโนโลยี โลกไร้พรมแดน ข่าวสารยิ่งแพร่สะพัดรวดเร็ว มีเทคโนโลยีที่ช่วยตอบสนองคนสอดรู้สอดเห็น ให้ได้สอดรู้เรื่องของชาวบ้านได้มากมายอย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้มีคลิปลับ เทปลับที่รั่วไหลหลุดลอดออกมาให้เห็นกันไม่เว้นแต่ละวัน คนในสังคมก็เลยมีหูทิพย์ตาทิพย์ได้ง่ายดาย เที่ยวได้รู้เรื่องลับของใครต่อใครไปทั่ว ส่วนคนประเภทหูผีจมูกมด ก็เห็นจะหนีไม่พ้นบรรดานักเล่าข่าว กระจิบกระจอกข่าวที่เที่ยวขุดคุ้ยเรื่องมาตีแผ่ให้โลกประจักษ์ ตามแนวทฤษฏีที่ว่า "ความลับไม่มีในโลก" หรือสโลแกนเก๋ ๆ ที่ว่า "เรารู้ คุณรู้ โลกรู้..." กลายเป็นดีไป ทั้ง ๆ ที่คนประเภทนี้ สมัยก่อนเรียกว่า "ฆ้องปากแตก"
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
ไม่ต้องไป "อิน" "ฟิน" ทุกเรื่อง จนกลายเป็นทาสทางความคิดของบรรดานักเล่าข่าว
สรุปท้ายก็คือ "โปรดใช้วิจารณญาณในการฟังและชม" นั่นแหละ
บรรดาเทพ และฤาษี ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ อยากรู้อะไรก็รู้ได้หมด แต่ยังดำรงมั่นอยู่ในธรรมได้ก็เพราะ "มีวิจารณญาณ " นี่แหละ