มืออาชีพ หรือมือโปรฯ ก็คือคนเก่ง มีความเชี่ยวชาญในอาชีพสาขาใดสาขาหนึ่ง
ความเชี่ยวชาญที่ว่านี้ส่วนมากก็เกิดจากความรู้ บวกกับประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการลองผิดลองถูก มาจนถึงจุดที่รู้แจ้งแทงตลอด มองเห็นปัญหา รู้ที่มาที่ไป รู้วิธีแก้ไข ทะลุปรุโปร่ง
ไม่ว่าจะทำอะไร คาดหวังผลแค่ไหน รับรอง...เป๊ะ!
ส่วนที่ตรงข้ามกับมืออาชีพ ก็คือมือสมัครเล่น ซึ่งด้อยทั้งความรู้และประสบการณ์ ไม่ว่าจะทำอะไร เป๊ะ เหมือนกัน แต่เละตุ้มเป๊ะ !!!
เมื่อตอนปฏิรูปการศึกษา คาดหวังหนักหนาว่า ครูต้องเป็นมืออาชีพ จัดการเรียนการสอนได้เป๊ะ เข้าเป้า สอนให้เด็กไทย เก่ง ดี และมีความสุข !!!
แล้วก็มีการพัฒนาครูกันเิอิกเกริก ทุ่มงบประมาณไปมากโข ปลุกปล้ำ ปลุกปั้นจนครูถอดใจ เปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไปอยู่เป็นสุข ๆ ก่อนวัยเกษียณ เสียหลายส่วน
ที่เหลืออยู่ ก็ใช่จะรับประกันได้ว่า มืออาชีพของแท้ แต่ที่แน่ ๆ คือ มีความอดทนสูง ใครจะว่ายังไง ฉันก็เป็นของฉันยังงี้แหละ ก็เลยมั่นคง แข็งแรง ทนทานอยู่ในวิชาชีพได้
ส่วนที่คาดหวังว่า กำจัดครูพันธุ์เก่า ไดโนเสาร์เต่าล้านปีไปแล้ว จะสร้างครูพันธุ์ใหม่ให้เป็นมืออาชีพของแท้ ก็ยังอยู่ในขั้นทดลองที่ยังไม่กล้าออกเครื่องหมายรับประกันคุณภาพ เพราะมืออาชีพจริงๆ ไม่ใช่ผลิตใหม่สดจากโรงงาน ประสบการณ์ก็สำคัญไม่ใช่น้อย
เพราะฉะนั้น ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนผ่านก็ปล่อยให้เด็กไทยเละตุ้มเป๊ะไปก่อน เหมือนทุกวันนี้ไง
จะโทษครูอย่างเดียวก็ออกจะใจร้ายไปหน่อย เพราะพ่อแม่สมัยนี้ จำนวนไม่น้อยก็มือสมัครเล่น มัวแต่ไปโปรฯ ด้านอื่น โยนภาระให้ครูเต็ม ๆ ก็คิดดูก็แล้วกัน แค่พ่อแม่มีลูก ๒-๓ คน ยังเลี้ยงไม่ค่อยจะได้อย่างใจ แล้วครูคนหนึ่งดูแลเด็กเป็นร้อย ไม่ใช่สอนกันตัวต่อตัวเสียเมื่อไหร่ จะได้เล็งผลเลิศ หวังผลเต็มร้อย
ผู้บริหารก็มือสมัครเล่น คูณบ้างหารบ้าง อาศัยกวดวิชาสอบเทียบเข้าสู่ตำแหน่ง มาเล่นบทผู้บริหารก็ต้องพยายามเล่นให้สมบทบาท
ดีที่ว่า งานหลักผู้บริหารการศึกษายุคนี้ ส่วนใหญ่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย รับนโยบายมาก็ส่งต่อให้คนอื่นทำ แล้วก็ตามเก็บรวบรวมไปเสนอผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าบุคลากรในโรงเรียนเป็นมืออาชีพ ผู้บริหารก็ได้หน้าได้ตากันไป แต่ถ้าต่างคนต่างก็มือสมัครเล่น ก็อิรุงตุงนังไปตามมีตามเกิด
มองขึ้นไปข้างบน คาดว่าจะเห็นระดับมันสมองของแท้ ส่องแล้วส่องอีก คิดว่านัยน์ตาฝาด ทำไมเห็นแต่มันเทศ มันฝรั่ง มันต่อเผือก ฯลฯ
ความรู้ไม่จะแจ้ง ความดีไม่ประจักษ์
เรียนจบอะไรหรือไม่จบก็ไม่สำคัญ บุญพาวาสนาส่งให้นั่งเก้าอี้ครูก็เป็นครู ย้ายไปนั่งเก้าอี้หมอก็เป็นหมอ สวมบทบาทพูดจ้อ ราวกับว่าแตกฉานชำนาญการอย่างน่าอัศจรรย์
แล้วจะคาดหวังให้การศึกษาไทยไปถึงไหนกันเล่า ก็ปัญหาการศึกษาไทยทุกวันนี้มันวิกฤติ ชนิดเหลือจะเยียวยา มองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่ปัญหาใหญ่โตมโหฬาร
ท่านยังคว้าเอาประ้เด็นผมเกรียนไม่เกรียนมาว่าเป็นฉาก ๆ ส่วนเรื่องมันสมองที่อยู่ใต้ทรงผมไม่ยักได้คิดถึง
หันไปดูอาชีพอื่น ก็ดูมันวิปริตผิดเพี้ยนกันไปหมด
เป็นต้นว่าตำรวจมืออาชีพ ก็น่าจะรู้ว่าหน้าที่ของตำรวจคือพิทักษ์ปวงประชา ดันไปพิทักษ์คนทำผิดกฏหมาย!!!
ทหารน่าจะปกป้องผืนแผ่นดินไทย ดูไปดูมา ทำท่าทีเหมือนจะปกป้องรัฐบาล !!!
ก็แล้วระดับรัฐบาล มีมืออาชีพตัวจริงสักกี่คนกันเล่า เอาอนาคตของประเทศชาติไปฝากไว้กับมือสมัครเล่น แค่คิดก็ใจหายแล้ว...
แต่...เหรียญย่อมมีสองด้าน เด็กออทิสติก ส่วนมากมีความเป็นเลิศไม่อะไรก็อะไรสักอย่าง
ในทุกสาขาวิชาชีพ ที่ว่าหามืออาชีพยาก กลับเห็นแววแว้บวับ ที่นี่...ที่นั่น...ที่โน่น
เป็นแววนักวิ่ง และนักโฆษณาประชาสัมพันธ์!!!
นักวิ่งนั้นเรียกได้ว่าระดับอินเตอร์ ไม่ได้วิ่งเฉพาะในประเทศ แต่วิ่งออกไปถึงนอกประเทศ !!!
ส่วนเรื่องประชาสัมพันธ์ก็เริ่ด... ทำอะไรสักนิด ประชาสัมพันธ์ยกป้าย ออกสื่อให้กันให้ระเบิดระเบ้อ
ก็ไม่รู้จะเรียกได้ว่ามือโปรฯ หรือเปล่า เพราะวิชาชีพของตัวเองไม่ยักเชี่ยวชาญ แต่อุตริไปเชี่ยวชาญด้านอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น