เพราะซาตานจอมหลอกลวงถูกสาปให้ตามอาดัมกับอีฟมาอยู่ในโลกมนุษย์ เรื่องหลอก ๆ ลวงๆ จึงน่าจะมีอยู่คู่โลกมานมนานนักหนา และเป็นสาเหตุที่ทำให้การพิสูจน์ความจริง ต้องมีการอ้างพยานหลักฐาน
แต่พยานหลักฐาน หรือพยานบุคคล ก็ยังถูกทำให้บิด ๆ เบี้ยว ๆ มาตั้งแต่สมัยไหน ๆ แล้วเหมือนกัน ในกฏหมายตราสามดวงจึงมีการพิสูจน์อีกแบบหนึ่ง ในกรณีที่หาหลักฐานพยานไม่ได้ หรือไม่น่าเชื่อถือ ก็คือ การพิสูจน์ด้วยการดำน้ำลุยไฟ
เพราะความเชื่อแต่โบร่ำโบราณ เชื่อว่าอันกรรมดีชั่วทั้งหลาย ถึงจะไปแอบทำลับหูลับตา ไม่มีใครรู้เห็น แต่เทวดาฟ้าดินย่อมรับรู้ แล้วก็จดบันทึกทำบัญชีเอาไว้เช็คบิลตอนท้่าย
ก็เหมือนที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมาตั้งเป็นพัน ๆ ชาติ จนจะบรรลุพระโพธิญาณอยู่แล้ว แต่พญามารก็ยังตามมาผจญ พระพุทธเจ้าต้องอ้่างฟ้าดินเป็นพยานเพราะพยานที่รู้เห็นจริง ๆ ในแต่ละชาติ ตายไปเกิดกันคนละทิศละทางหมดแล้ว
แล้วแม่พระธรณีก็ผุดขึ้นมาบีบน้ำในมวยผมให้พญามารดูให้จะจะว่าพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมาขนาดไหน เพราะความเชื่อของพราหมณ์ เวลาทำบุญเขาจะหลั่งน้ำลงแผ่นดิน ซึ่งเป็นที่มาของการกรวดน้ำในปัจจุบันนี้แหละ
ซึ่งน้ำจากมวยผมแม่พระธรณีที่สะสมมาจากการทำบุญของพระพุทธเจ้าก็ไหลพลั่ง ๆ จนกลายเป็นอุทกภัยกวาดพลพรรคพญามารเสียราบเรียบ
ในเรื่องรามเกียรติ์ก็มีการพิสูจน์ด้วยการลุยไฟ เนื่องจากนางสีดาถูกทศกัณฐ์ลักพาไปอยู่ลงกาเสีย ๑๔ ปี กว่าพระรามจะทำสงครามเอาชนะทศกัณฐ์ได้ ทำให้คนเม้าท์กันให้แซ่ดทำนองว่าไปอยู่นานขนาดนั้น มิ่หนำซ้ำทศกัณฐ์ก็มีมือไม้ออกยุ่บยั่บ แล้วมันจะเหลือเร้อ...
นางสีดาจึงต้องพิสูจน์ด้วยการลุยไฟให้มันรู้กันไปว่า ยี่ห้อสีดา ทนไฟ รับประกันได้
ซึ่งก็ช่วยสยบเสียงเม้าท์ไปได้พักใหญ่ แถมยังเป็นที่ประทับใจผู้ชมจนมีคนเอาตั้งชื่อเมนูเด็ดว่า สีดาลุยไฟ ก็คือ ผักบุ้งไฟแดง
ส่วนในเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ก็มีตอนที่นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์พระไวยให้หลงหัวปักหัวปำ ขนาดขุนแผนเสกกระจกส่องหน้าให้ดูก็ยังไม่ยอมเชื่อ หาว่าขุนแผนเล่นกล จนขุนแผนน็อตหลุดจะทุบกระโหลกให้หายเจ็บใจ แต่นางทองประศรีก็ขวางเอาไว้
ขุนแผนก็เลยหาวิธีล้างแค้นด้วยการออกอุบายปลอมเป็นมอญยกทัพมาเพื่อหลอกให้พระไวยออกไปรบ จะได้เล่นงานเสียให้น่วม แต่พระไวยก็อาศัยความเชี่ยวหลุดรอดไปได้ ท้ายสุดก็เลยต้องมาจบที่ศาลพระพันวษา
แต่ก็สอบสวนทวนความไม่ได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐาน เลยต้องโยนไปให้เทวดาฟ้าดินช่วยตัดสินด้วยการให้สร้อยฟ้า กับศรีมาลาลุยไฟ
ซึ่งก็ปรากฏว่า นางศรีมาลาก็ทนไฟแบบเดียวกับนางสีดา ส่วนนางสร้อยฟ้า ของปลอมแถมไมได้ใช้บัวหิมะทากันไว้ก่อน ก็เลยโดนไฟเผาเกือบจะกลายเป็นเนื้อย่างน้ำตก
นอกจากลุยไฟ ยังมีการดำน้ำ อย่างตอนพระไวยเป็นความกับขุนช้าง ก็ใช้วิธีดำน้ำพิสูจน์ ซึ่งขุนช้างก็แพ้ อันนี้ดูจะโหดน้อยกว่า เพราะอย่างมากก็แค่สำลักน้ำ ไม่ถึงกับดิบ ๆ สุก ๆ แบบลุยไฟ
การตัดสินด้วยการดำน้ำลุยไฟ ในกฏหมายตราสามดวงมีรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีกรรม พิธีการไว้มากมาย เช่น ก่อนจะเริ่มพิธีก็ต้องควบคุมตัวไว้ ให้นุ่งขาวห่มขาวรักษาศีล สงบสติอารมณ์ หรือเพื่อสร้างความเครียดไว้ชั้นหนึ่งก็ไม่รู้ได้
พอถึงเวลาประกอบพิธี พราหมณ์ก็จะอ่านโองการเชิญเทวดามาเป็นสักขีพยาน แถมด้วยการสาปแช่งอย่างดุเดือดให้คนผิดต้องพ่ายแพ้พินาศไปทันตาเห็น เป็นต้นว่า ลุยไฟก็จะถูกไฟกาฬเผาผลาญ ดำน้ำก็จะเจอตัวประหลาดน่าขนพองสยองเกล้าฯลฯ ซึ่งในช่วงเวลาเหล่านี้ คนที่รู้ตัวอยู่ว่าผิด แถมจิตอ่อน ก็อาจเครียดจนสติแตกได้ง่าย ๆ บางทีไม่ทันดำนำ้ลุยไฟก็ยอมสารภาพออกมาเองด้วยซ้ำไป
ทุกวันนี้ กฏหมายตราสามดวงก็เลิกใช้ไปแล้ว ข้าราชการบางเหล่ายังมีการถวายสัตย์ ดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ซึ่งมีการอ่านโองการแช่งน้ำ แช่งชักหักกระดูกคนทรยศให้หอกเท่าใบพายแทงหูซ้ายทะลุหูขวา
แต่คนฟังโองการก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเพราะสมัยนี้เขาเลิกเชื่อเรื่องบาปกรรมไปแล้ว แข่งได้ก้แข่งไป
นอกจากดำน้ำลุยไฟ ในกฏหมายตราสามดวงก็ยังมีการพิสูจน์อีกหลายวิธี วิธีหนึ่งก็คือให้สาบาน ซึ่งเดี่๋ยวนี้ แม้กฏหมายตราสามดวงจะเลิกไปแล้วก็ยังมีคนชอบใช้วิธีนี้เพราะง่ายดี
พระแก้วมรกต กับพระสยามเทวาธิราช จึงมักถูกอ้างอิงเป็นพยานอยู่บ่อย ๆ ด้านหนึ่งก็คือ หวังจะอาศัยเครดิตทำให้คนเชื่อถือ แต่อีกด้านหนึ่งก็เหมือนดิสต์เครดิตเทวดา เพราะหลายเรื่องที่สบถสาบาน ฟังยังไง ๆ ก็ไม่น่าเชื่อ เอายี่ห้อเทวดามารับประกันให้เสียสถาบันเปล่าๆ
อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าบรรดาพยานเทวดาเหล่านั้น ท่านก็คงเก็บข้อมูลไว้...เพียบ
คงต้องรอดูว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เทวดาฟ้าดินจะประมวลผล เช็คบิล...
ถึงจะช้าไปสักหน่อย ไม่ทันใจท่านผู้ชม แต่คิดว่ามาตรฐานเทวดา น่าจะเชือ่ถือได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น