วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หญิงงามผู้พลิกแผ่นดิน

โดยทั่วไป เขาว่ากันว่าผู้หญิงสวยมักไม่ฉลาด
แต่ถ้าผู้หญิงทั้งสวยทั้งฉลาดเมื่อไหร่ ก็...เป็นเรื่อง

 ในประวัติศาสตร์ มีเรื่องยอดหญิงงามผู้พลิกแผ่นดินอยู่หลายคน

ที่ทั้งสวยทั้งฉลาดแถมใจถึงสุดๆ เห็นจะต้องยกให้  คลีโอพัตรา นางพญาไอยคุปต์

โฉมงามคลีโอพัตรานี้  ว่ากันว่าทั้งสวยทั้งฉลาด  มีความรอบรู้เป็นเลิศ  พูดได้หลายภาษา  แถมรู้จักใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์อย่างคุ้มค่า

มีหลักฐานมากมายที่บ่งบอกว่า  คลีโอพัตราเอาใจใส่เรื่องรูปโฉมสุดๆ สารพัดเครื่องประทินโฉมที่ค้นพบเกี่ยวกับนางพญานางนี้  เล่นเอานักโบราณคดีอึ้งทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่า อายแชโดว์ น้ำหอม  ฯลฯ รวมทั้งกรรมวิธีประเทืองประทินโฉมตำรับคลีโอพัตรา  แทบไม่น่าเชื่อว่าคุณเธอคิดค้น  ใช้มาแล้วนับพันปี

จึงไม่แปลกที่บรรดาบริษัทเครื่องสำอางทั้งหลายแหล่  เอาชื่อคลีโอพัตรามาตั้งชื่อเครื่องสำอางกันเป็นทิวแถว

นอกจากสวยและฉลาดแล้ว คลีโอพัตรายังใจถึงยากจะหาใครเทียมทาน   เอาแค่วิธีการที่คุณเธอเข้าไปเสนอตัวให้จอมจักรพรรดิ์ซีซาร์ โดยการซ่อนตัวไปในม้วนพรม  ให้ทาสแบกไปถวาย พอทาสคลี่พรมออกกลางท้องพระโรงก็เจอโฉมงามอร่ามตา

วิธีการแบบนี้  ถ้าใจไม่ถึงจริง  ใครจะทำได้ แต่ตะละแม่นางนี้เธอทำได้ เพื่อแลกกับอำนาจ

แล้วเธอก็ได้จริงๆ  ด้วยอำนาจล้นเหลือของซีซาร์  คลีโอพัตราก็กำจัดศัตรูที่แย่งชิงราชบัลลังก์  หวนกลับคืนสู่อาณาจักร  และทำให้อียิปต์แข็งแกร่งจนไม่มีใครกล้าแตะ

แต่แล้วเมื่อจักรพรรดิ์ซีซาร์หมดบุญบารมี  ถูกรุมสังหารเสียที่รัฐสภา  เธอก็มองหาแบ็คใหม่ที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเดิม  คือจอมทัพหนุ่มมาร์คแอนโทนี  ผู้สำเร็จราชการจากกรุงโรม

การพบกันของคลีโอพัตรา  กับหนุ่มมาร์คแอนโทนี  ก็ไม่ใช่จู่ ๆ ก็บังเอิญเดินมาชนกันข้าวของกระจายเหมือนในละคร

แต่เจ้าหล่อนวางแผน จัดฉากการเดินทางไปพบมาร์คแอนโทนีเสียอลังการงานสร้าง  ด้วยการตบเต่งเรือที่เดินทางให้เป็นแดนสวรรค์  ตัวคลีโอพัตราก็แต่งเป็นเทพีวีนัสประทับท่ามกลางเทวดาน้อยใหญ่  เล่นเอามาร์คแอนโทนีตาค้าง

แล้วทุกอย่างก็เข้าทาง  มาร์คแอนโทนีก็หลงเสน่ห์โฉมงามคลีโอพัตรา  กลายมาเป็นเกราะคุ้มกันราชบัลลังก์อียิปต์ให้พ้นจากการรุกรานของโรมันตามแผน

แต่มาร์คแอนโทนีก็ป้องกันอียิปต์จากโรมไม่ได้ตลอด  เพราะคนอื่นที่อยากครอบครองอียิปต์ก็ยังมี  ท้ายที่สุดอียิปต์ก็ไม่อาจหลีกหนีสงครามได้พ้น

จนวาระสุดท้าย  คลีโอพัตรา  ก็ยังแสดงความใจเด็ดให้โลกต้องจดจำ  เมื่อเห็นทีว่าจะแพ้สงคราม  และมาร์คแอนโทนีก็ทำท่าจะเอาไม่อยู่  คลีโอพัตราก็ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรม  ด้วยการให้งูพิษกัด

 ซึ่งก็ว่ากันว่า  ก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีนี้  ก็มีการสรรหาวิธีการตายให้สวยอย่างหลากหลาย  โดยนำนางทาสมาทดลองหมดไปหลายชีวิต  ก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีให้งูพิษกัด  ที่ดูแล้วว่าสวยสุด

คลีโอพัตราไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวในประวัติศาสตร์  ที่สวย  ฉลาด และใจกล้า

ประวัติศาสตร์จีน  ก็จารึกเรื่องของสี่ยอดหญิงงามผู้พลิกแผ่นดิน แต่ละนางล้วนสวยไม่ธรรมดา

ไซซี  ก็ขนาด  มัจฉาจมวารี  คือปลาตะลึงความงามจนลืมว่ายน้ำ
หวังเจาจวิน  ก็  ปักษีตกนภา  คือนกตกจากฟ้าเพราะมัวแต่มอง  จนเสียศูนย์
เตียวเสี้ยน จันทร์หลบโฉมสุดา  แม่คนนี้ขนาดพระจันทร์ไม่กล้าฉายแสงแข่งความงาม
ส่วน หยางกุ้ยเฟย  มวลผกาละอายนาง  คือขนาดดอกไม้ยังเฉาเพราะไม่กล้าประชันโฉม

สี่ยอดหญิงงามนี้ไม่ได้งามอย่างเดียว  แต่ฉลาดและใจกล้า  จึงถูกส่งเข้าไปทำงานใหญ่  ใช้ความงามเอาชนะใจขุนพลขุนศึก  รวมถึงระดับฮ่องเต้  แล้วก็ชักจูงชักใยอยู่เบื้องหลัง  หาทางให้ญาติโกโยติกาเข้ามากุมอำนาจ  ทำการอะไรต่อมิอะไรกันได้สะดวกโยธิน

ในบรรดาสาวงามสามสี่นางนี้  เตียวเสี้ยน ในยุคสามก๊ก  น่าจะโดดเด่นเป็นพิเศษ  เพราะเจ้าหล่อนใช้ความงาม  หลอกล่อให้ลิโป้นายทหารหนุ่มหลงรักจนหัวปักหัวปำ  แล้วกลับหลังหันไปตกลงปลงใจกับตั๋งโต๊ะจอมทรราชย์บิดาบุญธรรมของลิโป้หน้าตาเฉย  ทำเอาลิโป้สติแตก  ถึงกับลงมือสังหารตั๋งโต๊ะ  ซึ่งมีคนพยายามสังหารกันมาหนักหนาแต่ไม่สำเร็จ  เจอฝีมือสาวเจ้า  เรื่องสังหารตั๋งโต๊ะ  กลายเป็นง่าย ๆ ชิว ๆ


หรืออย่างซูสีไทเฮา ก็เป็นหญิงงาม ที่ไต่อันดับจากหญิงชาวบ้านเข้ามาเป็นนางกำนัลหางแถว แล้วก็ใช้ทั้งสติปัญญาและเสน่ห์หญิง. ยกฐานะขึ้นมาจนเป็นสนมเอก  แล้วอัพเกรดขึ้นมาเป็นฮองเฮา

จนมาถึงรุ่นพระโอรสครองราชย์ ก็รวบอำนาจเบ็ดเสร็จเป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการ ว่าราชการหลังม่าน ส่วนฮ่องเต้ก็ประทับหลับสับปะหงกอยู่หน้าม่าน

ส่วนของไทยเรา ก็ไม่น้อยหน้า ถ้าพูดถึงผู้หญิงฉลาด  ใจถึง  ที่มีบทบาทพลิกแผ่นดิน  ก็คงต้องคิดถึงท้่าวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งเทียบชั้นได้ใกล้เคียงซูสีไทเฮาเหมือนกัน

ท้าวศรีสุดาจันทร์  เริ่มจากตำแหน่งสนมเอกของพระไชยราชาธิราช  มีพระโอรสคือพระยอดฟ้า ก็เลยเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเจ้าแม่ศรีสุดาจันทร์

พอพระไชยราชาธิราชสิ้นพระชนม์  พระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์  เจ้าแม่ศรีสุดาจันทร์ก็ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ  แล้วก็หนุนขุนวรวงศาธิราชชู้รักขึ้นมาครองราชย์  อ้างว่าแค่ชั่วคราว  เพราะศึกเหนือเสือใต้ก็รุมเร้า   แล้วหลังจากนั้นก็ร่วมมือกับขุนวรวงศาธิราชกำจัดพระยอดฟ้าเสีย  เจ้าแม่ศรีสุดาจันทร์ก็กลายเป็นมเหสีสองแผ่นดิน... เก๋เสียไม่มี

น่าเสียดายที่ภาคสองของท้่าวศรีสุดาจันทร์ไม่ค่อยโสภา เพราะขุนวรวงศาโดนทำรัฐประหาร  ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็เลยต้องจบบทบาทไปด้วย

ว่าที่จริง ผู้หญิงเก่งที่มีบทบาทพลิกแผ่นดินในประวัติศาสตร์มีอีกมากมาย ล้วนแต่สวย เก่งและที่สำคัญคือ เจ้าหล่อนช่างกล้า..อย่างที่คนส่วนมากคิดไม่ถึง

เพราะฉะนั้น อย่าได้ประมาทผู้หญิงสวย และฉลาด โดยเฉพาะผู้หญิงฉลาดที่แกล้งโง่

 ยิ่งแกล้งโง่จนคนหลงเชื่อกันไปครึ่งค่อนเมือง  ยิ่งประมาทไม่ได้เลย

ผู้หญิงแบบนี้แหละ พลิกแผ่นดินมาเสียนักต่อนักแล้ว



วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สำนวนชวนคิด


สำนวนไทยที่ว่าด้วยเรื่องปากมีอยู่มากมาย นำมาใช้ได้หลากหลายกรณี  เช่น ปากหวาน ปากไว ปากมาก ปากเสีย ปากจัด ปากแข็ง ปากพล่อย ปากกล้า ปากเปราะฯลฯ ที่เอาไปรวมไว้กับสรรพคุณของบางอย่างให้รู้ความหมายโดยนัยก็มี เช่น ปากตำแย ปากตะไกร  ปากกระโถน ปากปลาร้า ปากตลาด ฯลฯ

ความหมายของสำนวนเกี่ยวกับปาก  ที่ค่อนไปทางดีมีอยู่ไม่กี่สำนวน เช่น ปากหวาน หมายถึงคนพูดหวานขานเพราะ แต่จริงหรือเปล่าไม่รู้  จึงได้มีสำนวนเตือนให้ระวังคนประเภท ปากหวานก้นเปรี้ยว คือ อย่าหลงเชื่อง่าย ๆ เนื้อแท้อาจไม่หวานเหมือนที่ว่า  แถมยังเปรี้ยวจนกินไม่ลง

ส่วนสำนวนเกี่ยวกับปาก  ส่วนใหญ่มักมีความหมายไปในทางไม่ค่อยจะดี  แสดงให้เห็นว่าคนไทยสมัยก่อนไม่ค่อยปลื้มคนช่างพูดสักเท่าไหร่  เป็นต้นว่า

ปากดี กลับมีความหมายไปในทางไม่ค่อยดี  หมายถึงคนกล้าพูด ช่างพูด ซึ่งอาจทำให้คนฟังไม่พอใจ คนปากดีจึงอาจเจอดี  ซึ่งก็หมายถึงเจอไม่ดีเข้าได้

คนปากดี  ไม่เหมือนคน  ดีแต่ปาก  ซึ่งหมายถึงคนช่างพูดแต่ไม่ทำ  หรือทำไม่ได้  นี่ก็น่ารังเกียจไปอีกแบบ  คนรู้ไม่ทัน  หลงเชื่อคนประเภทนี้ก็มีเยอะ


ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ
ประเภทนี้มีเกลื่ิอน ในสังคมทุกยุคสมัย  โดยเฉพาะสังคมที่มีการแก่งแย่งแข่งขัน  ความจริง คนจริง ก็ยิ่งหาได้ยาก

ปลาหมอตายเพราะปาก
ประเภทพูดมากปากพาจน พูดมากเรื่องมาก  ผิดมาก  ยิ่งสมัยนี้มีเทปมีคลิประบาดไปทั่ว  คนประเภทปลาหมอจึงมีสิทธิ์ตายง่าย  เพราะหลักฐานพยานชัดแจ้ง ปฏิเสธยังไงก็ไม่มีใครเชื่อ


ปากว่าตาขยิบ
ประเภทนี้ก็น่ากลัว หมายถึงมีเจตนาหลอกคนฟัง แต่เป็นการหลอกบุคคลที่สาม  เสแสร้งแกล้งเจรจาให้คนอื่นหลงเชื่อว่าเขาว่าอย่างนี้ ตกลงกันอย่างนั้น ส่วนที่เขาแอบโทรฯหากันส่วนตัว เจรจาใต้โต๊ะ แถมบินไปชเลียร์กันที่โน่นที่นี่ อาจเป็นคนละเรื่องไปเลย

การรับสารวันนี้ จึงควรต้องยึดคติ พกหินดีกว่าพกนุ่น ฟังหูไว้หู ฟังเขาว่าให้เอาห้าสิบหาร


แถมด้วยกาลามสูตร  อย่าเชื่อ... ไม่ว่าแหล่งข่าวจะน่าเชื่ิอสักขนาดไหน
ก็เห็นๆกันอยู่ ทั้งคนใหญ่คนโต พระสงฆ์องค์เจ้า ฯลฯ พิสูจน์สัจธรรมให้เห็นเป็นข่าวหน้าหนึ่งกันไม่เว้นแต่ละวัน

แต่ก็อย่าถึงกับ "ปิดตาไม่ดู ปิดหูสองข้าง..."  เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ มัวแต่ปิดหูปิดตา...ไม่ได้แล้ว


วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กุนซือสมองเพชร

สุภาษิตพระร่วง สอนว่า เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้าศึกอย่านอนใจ

ในเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย  ตอนพระมหาอุปราชาจะยกทัพมาทำสงครามกับพระนเรศวร พระเจ้านันทบุเรงทรงเตือนว่า

"สงครามการเศิกไซร้   แสนกล
จงพ่ออย่ายินยล          แต่ตื้น"

เพราะการทำสงคราม  เป้าหมายก็คือ  ต้องชนะ
ทั้งสองฝ่ายจึงต้องงัดกลยุทธ์  กลศึก  ออกมาใช้กันทุกรูปแบบ

กลศึก  กลยุทธ์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "กล" ก็คือซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยากจะคาดเดา  คนที่วางแผนจึงต้องมีสติปัญญาไม่ธรรมดา

สุดยอดกุนซือที่วางแผนกลศึกลึกล้ำเหลือกำลัง   เห็นจะไม่มีใครเกินขงเบ้ง ในเรื่องสามก๊ก

ขงเบ้งแต่เดิมเป็นนักปราชญ์ชาวบ้าน ออกแนวสมถะ ปลีกวิเวกอยู่ในกระท่อมหลังน้อยบนเทือกเขาโงลังกั๋ง  แต่ชื่อเสียงก็ลือเลื่อง จนได้รับสมญาว่า "มังกรหลับ"

เมื่อเล่าปี่เชื้อพระวงศ์ตกยากคิดกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นมือทรราชย์  เล่าปี่ตะเกียกตะกายไปอ้อนวอนขงเบ้งให้มาช่วย ซึ่งก็ต้องเทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายรอบกว่าจะได้พบ  ท้ายที่สุดขงเบ้งทนลูกตื๊อไม่ไหวก็เลยยอมโดดเข้าสู่สงคราม มาเป็นกุนซือให้

ประวัติการศึกษาของขงเบ้ง ไม่แน่ชัดว่าเรียนจบจากสำนักไหน  สาขาอะไร แต่พี่แกฉลาดรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการศึกสงคราม  ภาษา ดนตรี หรือแม้แต่ดูดวงดูดาว พยากรณ์อากาศ ฯลฯ เป๊ะไปหมด จนได้ฉายาว่า"ผู้หยั่งรู้ดินฟ้า"

ในสงคราม ขงเบ้งจะออกไปบัญชาการรบเองด้วยทีท่าน่าหมั่นไส้ไม่เบา คือนั่งไปในรถแทนที่จะขี่ม้า  สวมหมวก  แถมถือพัดขนนกโบกสะบัดแทนที่จะถืออาวุธ  เก๋เสียไม่มี.. ดูไฮโซพิลึก

กลศึกของขงเบ้งไร้เทียมทาน แต่ละครั้งก็หลอกทหารฝ่ายตรงข้ามให้พลาดท่าเสียที ตกเข้าสู่วงล้อม แล้วก็สังหารโหดเสียนับหมื่ีนนับแสน  เลือดนองแผ่นดิน  ขงเบ้งจึงถูกมองอีกมุมหนึ่งว่า เป็นทรราชย์ตัวจริง ยิ่งกว่าตั๋งโต๊ะที่ว่าเป็นทรราชย์ดั้งเดิม


แต่ขงเบ้ง นักปราชญ์หนุ่ม คนที่เคยสมถะ อยู่กระท่อมไม้ไผ่ เมื่อเปลี่ยนสถานภาพก็เปลี่ยนวิธีคิด  เมื่อตัดสินใจโดดเข้าสู่สนามรบ  ก็ต้องรบ และต้องชนะ..เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง

ขงเบ้งก็เลยใช้ชีวิตอยู่กับการทำสงคราม ทำให้  จ๊กก๊กกลายเป็นหนึ่งในสามก๊กใหญ่ ในประวัติศาสตร์จีน ทำให้เล่าปี่ เชื้อพระวงศ์ตกยาก อัพเกรดขึ้นมาเทียบรุ่นกับโจโฉ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและซุนกวนเจ้าเมืองแดนตะวันออก  แถมหวุดหวิดจะล้ำหน้ากล้าแกร่งกว่าด้วยซ้ำ


แต่คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต  จู่ๆ ดาวประจำตัวของขงเบ้งที่ีเคยสุกใส  ก็ดับวูบเอาดื้อๆ

เพลงขงเบ้งดูดาว พรรณนาความรู้สึกของขงเบ้งผู้หยั่งรู้ดินฟ้าไว้ว่า
"ขงเบ้งดูดาว..เห็นดาวตก
ช้ำในหัวอกเมื่อเห็นดาวไม่สดใส
หรือว่าเป็นกรรม...จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสแต่ก่อนนั้นพลันมืดมน
หรืิอโชคชะตา..ของเราขาด
เราจึงไม่อาจจะหนีตายได้อีกหน
เคยช่วยคนมาให้โด่งดังตั้งหลายคน
ถึงคราวช่วยตนให้รอดตายไม่ได้เลย"


ขงเบ้งรู้ว่าตัวเองชะตาขาด ลองทำพิธีต่ออายุก็ไม่สำเร็จ แต่ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเสียเมือง ยังอุตส่าห์สั่งให้ทหารนำศพใส่รถศึก จัดท่าถือพัดให้เหมือนยังมีชีวิต ออกบัญชาการรบ ซึ่งก็ได้ผลเพราะกองทัพสุมาอี้มองเห็นขงเบ้งแต่ไกล ไม่ได้ซูมภาพให้ถนัดชัดเจน คิดว่าคนอะไรดาวตกแต่ดวงยังแข็งเป๊ก  ก็เลยใจเสียถอยกรูด  กลศึกของขงเบ้งก็เลยยังใช้ได้แม้แต่ตอนที่ตายไปแล้ว

แต่ท้ายที่สุด หลังจากขงเบ้งตาย จ๊กก๊กที่ขงเบ้งทุ่มให้สุดตัวสุดชีวิต ก็เสื่อมสลายอยู่ดี



ขงเบ้งก้ำกึ่งระหว่างวีรบุรุษ และทรราชย์ แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นกุนซือสมองเพชร และที่น่ายกย่องก็ตรงที่แม้จะเก่งฉกาจปานนั้น แต่ขงเบ้งก็ไม่ได้พยายามจะช่วงชิงอำนาจ ไม่ว่าจะจากเล่าปี่หรือมาจนสมัยพระเจ้าเล่าเสี้ยนลูกชายเล่าปี่ซึ่งไม่ทรงพระเอาไหน น่าทำรัฐประหารเสียยิ่งนัก

เรื่องราวของไอ้หนุ่มหลังเขา ที่ผันตัวเองจากนักปราชญ์ชาวบ้านมาบัญชาการรบ กลายเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่โลกไม่เคยลืม จนได้รับยกย่องเทียบชั้นเทพเจ้า มีศาลเจ้าให้คนกราบไหว้ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะฉากสุดท้าย

คิดว่าหลายคนที่ทำหน้าที่เป็นกุนซือเวลานี้ ไม่ว่าระดับสมองเพชร สมองพลอย หรือลูกปัดพลาสติก รวมทั้งบางคนที่มีคนชเลียร์ว่าเป็นขงเบ้งเข้าไปแล้ว น่าจะลองไปฟังเพลงขงเบ้งดูดาวเล่นบ้าง ก็ไม่เลว

อาจจะช่วยให้เห็นสัจธรรม แล้วก็เพลาๆ บทบาทลงบ้าง  ไม่ใช่มุ่งแต่จะเอาชนะอย่างเดียวราวกับอยู่ในสงคราม

วีรบุรุษกับทรราชย์ บางทีมันก็แยกกันไม่ค่อยออก

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ  ดาวที่สดใส มันต้องมีวันมืดมน  ไม่ช้าก็เร็ว
ไม่เชื่อไปถามขงเบ้งดูก็ได้












วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แม่คงคา



แม่คงคา  เทวีผู้คุ้มครองสายน้ำ  เป็นเทวีที่ีคนไทยรู้จักคุ้นเคยดีอีกองค์หนึ่ง  เพราะวิถีชีวิตมนุษย์ย่อมผูกพันอยู่กับสายน้ำ  บ้านเรือนผู้คนส่วนมากมักปลูกอยู่ริมน้ำ  อาศัยน้ำทำมาหากินหล่อเลี้ยงชีวิต

ตำนานแม่คงคา น่าจะมาจากอินเดีย  เล่าว่าแม่คงคาแต่เดิมก็เป็นเทวีแห่งสายน้ำอยู่ในสวรรค์  ทีมองเห็นเป็นทางช้างเผือกนั่นแหละ  บางตำนานก็ว่า  แม่คงคาเป็นพี่สาวพระอุมา ฤทธิ์เดชก็คงไม่ย่อยเหมือนกัน แม่คงคามามีบทบาทตอนท้าวสัครราชทำพิธีอัศวเมธ  แต่พระอินทร์แอบมาลักม้าไป  ท้าวสัครราชจึงให้โอรสหกหมื่นองค์อออกเที่ยวตามหา

โอรสท้าวสัครราชก็หากันสุดฤทธิ์สุดเดช หาบนโลกไม่พบ  ก็ขุดหาจนถึงใจกลางโลก  พระพรหมกลัวโลกพังเพราะฝีมือนักขุดมหากาฬ  เลยให้พระนารายณ์ไปขวางไว้  แต่โอรสท้าวสัครราชไม่ยอม  จึงถูกพระนารายณ์สังหารเสียกลายเป็นเถ้าธุลี

ด้วยบาปที่อวดอหังการไม่รู้ว่าไผเป็นไผ  โอรสท้าวสัครราชทั้งหกหมื่นองค์ก็เลยต้องทนทุกข์ทรมานไม่ได้ขึ้นสวรรค์

ท้าวสัครราชทำพิธีบวงสรวงขอให้พระแม่คงคาลงมาช่วยชำระบาปให้โอรสทั้งหกหมื่น จะได้ขึ้นสวรรค์ไปเสวยสุขกับเขาบ้างแต่ไม่สำเร็จ  รุ่นลูกก็บวงสรวงต่อ จนมาถึงรุ่นหลานคือท้าวภคีรัถ  พระแม่คงคาถึงได้ใจอ่อน  ยอมเสด็จลงมา

แต่ด้วยความที่อิทธิฤทธิ์ของพระแม่คงคาเธอเหลือหลาย  บทจะมาก็มาแบบอุทกภัยยังไงยังงั้น  พระอิศวรผู้คุ้มครองโลกก็เลยต้องใช้พระเกศาเป็นเขื่อนรับน้ำ  แล้วผันลงมาตามเส้นเกศากลายเป็นแม่น้ำคงคา

ด้วยเหตุที่เชื่อว่าแม่คงคามาจากสวรรค์เพื่อช่วยชำระล้างบาปให้มวลมนุษย์ มิหนำซ้ำยังไหลผ่านเกศาพระอิศวรลงมา เลยศักดิ์สิทธิ์ยกกำลังสอง ชาวอินเดียจึงนับถือแม่น้ำคงคา  พากันตะเกียกตะกายเดินทางไปอาบน้ำชำระบาป คนเจ็บก็หามไปอาบน้ำเผื่อจะหาย ถ้าไม่หายก็เผากันที่ริมฝั่ง  เสร็จแล้วก็ลอยอังคารลงแม่น้ำ  ฝากแม่คงคาพาขึ้นสวรรค์ไปเลย

ส่วนคนไทยนั้น  นับถือแม่คงคาในอีกลักษณะหนึ่ง คือรักและผูกพัน กตัญญูรู้คุณที่ได้หล่อเลี้ยงชีวิต  แล้วก็เชื่อคล้ายๆคนอินเดียว่าน้ำจะช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป จึงมีประเพณีเกี่ยวกับการรดน้ำในโอกาสสำคัญๆของชีวิตอยู่หลายประเพณี ที่ชัดๆก็คือ ประเพณีสงกรานต์  แถมยังมีประเพณีลอยกระทง ที่นอกจากจะลอยบาป ลอยเคราะห์ฝากสายน้ำไปแล้ว ก็ยังถือโอกาสขอขมาลาโทษที่เคยทำอะไรๆไม่ดีต่อสายน้ำ นิสัยคนไทยแท้ๆก็น่ารักแบบนี้แหละ คนไทยกับสายน้ำถึงได้ถ้อยทีถ้อยอาศัย ปลูกบ้านก็ทำใต้ถุนสูง เปิดทางให้น้ำไหลผ่านไปได้แต่โดยดี ไม่มีปัญหา

มายุคหลังๆนี้ นิสัยน่ารักของคนไทยดูจะหายไป ทำอะไรเอาแต่ใจ ทั้งสร้างเขื่ิอนสร้างฝาย ปลูกบ้านขัดขวางทางเสด็จ แบบไม่ไว้หน้า แม่คงคาเธอคงจะอึดอัดขัดข้อง. หนักเข้าก็เลยสำแดงเดชให้ปรากฏเสียบ้าง


เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ อุดมสมบูรณ์อย่างน่าอิจฉา  ทั้งข้าวทั้งน้ำ  ถ้าบริหารจัดการดีๆ ก็เหลือกินเหลือใช้

บังเอิญมาเจอการบริหารจัดการแบบไร้ฝีมือ แถมหาผลประโยชน์กันไม่บันยะบันยัง  น่ารังเกียจ

แม่โพสพ  เทวีแห่งข้าว  เจอโครงการรับจำนำข้าว  เสียหายยับเยินเกินจะเยียวยา ขวัญหนีกระจุยกระเจิง กู่ไม่กลับไปแล้ว

ตอนนี้ถึงคิวแม่คงคา ว่าด้วยอภิมหาโปรเจคหลายแสนล้าน มันเร้าใจเสียจนใครก็ยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ขนาดศาลออกมาติดเบรค ให้ศึกษาผลกระทบอย่างรอบคอบรอบด้าน ก็ยังทำท่าจะดื้อรั้นดันทุรัง ไม่ฟังเสียง


ฤทธิเดชพระแม่คงคาเธอน้อยอยู่เมื่อไหร่ ขืนบริหารจัดการเละเทะแบบที่ทำกับแม่โพสพ พระแม่คงคาเธอแผลงฤทธิ์ขึ้นมา  มีหวังได้ท่วมทั้งแผ่นดิน

คราวนี้ละ...ไม่ว่าใครก็เอาไม่อยู่