คนไทยแต่ไหนแต่ไร มีเอกลักษณ์เรื่องการสรรกินโดดเด่นเป็นพิเศษ จนมีคำกล่าวล้อเลียนว่า "การกินการอยู่ใครไม่สู้พ่อ การพายการถ่อพ่อไม่สู้
ใคร"
ผู้หญิงต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก ที่ว่ากันว่าจะทำให้ "ผัวรักจนตาย"
ส่วนผู้ชายที่โชคดีมีภรรยาเป็นแม่ศรีเรือน ว่ากินดีอยู่ดี ชนิด "ก้นถึงฟาก ปากถึงข้าว" คือนั่งลงปุ๊บก็ได้กินปั๊บ

เรื่องของน้ำมือ ถือว่าเป็นคุณสมบัติเด่น ใตรจะหาภรรยาหาสะใภ้ ก็ดูกันตรงฝีมือหุงหาอาหาร ระดับแค่ชาวบ้าน ก็ยังกล่าวไว้ เช่นในเพลงพื้นบ้านเล่าถึงกระบวนการปรุงอาหารบ้านๆ ว่า

นางอมิตดาลูกสาวพราหมณ์ตกยาก ภรรยาสาวน้อยของชูชกก็มีฝีมือในการหุงหาอาหารหลากหลาย ตอนที่ชูชกจะเดินทางไปขอสองกุมาร นางอมิตดาก็ตระเตรียมเสบียงไว้พรักพร้อม ซึ่งกวีแต่ละถิ่นแต่ละภาคก็บรรยายเสบียงของนางอมิตดาไว้ต่างๆ ทั้งของสดของแห้ง อะไรกินก่อนก็จัดวางไว้ข้างบน อันไหนจะเก็บไว้กินทีหลังก็เอาไว้ข้างล่าง

แม้แต่นางจันทร์ แม่ของสังข์ทอง ที่เป็นชาววังตกยากก็ช่างประดิษฐ์ประดอยจนเป็นนิสัย ตอนที่ระเหเร่ร่อนไปเป็นนางวิเสท หรือคนครัวอยุ่ในวัง สงสัยว่าพระสังข์คือลูกชายที่พลัดพรากจากกันไป ก็อุตสาหะแกะสลักชิ้นฟักเป็นเรื่องราว ตามที่ว่า "ชิ้นหนึ่งทรงครรภ์กัลยา คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์..." แกะเป็นเรื่องเล่าประวัติตั้งแต่พลัดพรากจนเที่ยวติดตามหา ทำเป็นแกงจืดไปถวาย พระสังข์เห็นชิ้นฟักแกะสลักก็เลยรู้ว่าเป็นมารดา เรียกได้ว่าฝีมือแกะสลัก...สุดยอดดด ขนาดต้มเป็นแกงจืดแล้วยังไม่เละ...

ส่วนที่เน้นรสชาติ และไม่ได้เก่งคนเดียว แต่เก่งทั้งตำบล เห็นจะไม่พ้น "แม่ครัวหัวป่าก์" ซึ่งบรรดาแม่ครัวชาวบ้านทำอาหารถวายรัชกาลที่ ๕ สมัยเสด็จประพาสต้น ฝีมือต้มแกงแต่ละอย่างล้วนเลิศรส เป็นที่เล่าลือ จนภายหลัง ท่านผู้หญิงเปลี่่ยน ภาสกรวงศ์ ได้รวบรวมมาพิมพ์เป็นตำราอาหารตำรับแม่ครัวหัวป่าก์ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมไปแล้ว
ยุคสมัยเปลี่ยน ผู้คนก็เปลี่ยน คนที่ตำบลหัวป่าก์ ไม่รู้ยังทำอาหารอร่อยอยู่หรือเปล่า
แต่ความคิดความนิยมเกี่ยวกับแม่ศรีเรือน เสน่ห์ปลายจวัก หายหกตกหล่นไปจากสังคมไทยแทบไม่มีเหลือ แม่ศรีเรือนหายไป กลายเป็น "เม่สีเรือน" คือนอนเป็นงานหลัก คนมีเสน่ห์ปลายจวักกลายเป็นเชฟทั้งชายหญิงที่ร่ำเรียนกันเป็นการเป็นงาน ประดับประดาข้าวปลาอาหารเป็นงานศิลป์ พร้อมที่จะผลักดันครัวไทยไปครัวโลก

เรือนสามน้ำสี่ ปัจจุบัน เรือนกาย เรือนผม ดูจะโดดเด่น ส่วนเรือนบ้านเดาเอาว่าคงไม่ค่อยเวลาดูแลสักเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่มีเครื่องทุ่นแรงเยอะแยะแล้วก็เถอะ

สรุปว่าแม่ศรีเรือนก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ ยุคสมัยเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยน...