วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

ยุคใหม่

ยุคใหม่


โลกคงไม่แตกแล้วละนะ  หรืออย่างน้อยก็ไม่แตกโพละ  แยกเป็นเสี่ยง ๆ...เอฟเฟ็คสนั่น  เหมือนในหนัง

แต่อาจจะค่อย ๆ แตกร้าว  ปริที่โน่น..ที่นี่..ที่นั่่น..แผ่นดินไหว  ภูเขาไฟระเบิด  เสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ

ด้วยฝีมือมนุษย์นี่แหละ  หาใช่ดาวอะไรวิ่งมาชน  หรือมนุษย์โลกไหนมายึดครองอย่างที่ตื่นเต้นกันไม่

เรื่องโลกแตกหรือวันสิ้นโลก เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมานาน  และมีปรากฏอยู่ในคัมภีร์หลายเล่ม  แม้จะมีรายละเอียดความเชื่อที่เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง  แต่ที่พ้องกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ  ม้ันต้่องแตกเข้าสักวัน

เมื่อมนุษย์หลงระเริง  ไม่สนใจบาปบุญคุณโทษ  สมบัติโลกที่ถูกสร้างขึ้นให้คนทั้งโลก  ไม่เพียงพอตอบสนองความโลภของมนุษย์บางคน บางกลุ่ม...

ก็ถึงวันที่จะต้องมีบิกคลีนนิ่งเดย์  กันเสียที  เพื่อเริ่มต้นจัดระเบียบใหม่

ส่วนวิธีการคลีนนิ่งก็มีแตกต่างกัน  บ้างก็ว่าจะมีน้ำท่วมล้างโลก  บ้างก็ว่ามีไฟบัลลัยกัลป์เผาเสียก่อน  แล้วค่อยเอาน้ำล้างอีกที


ส่วนการสิ้นสุดปฏิทินของชาวมายาที่ตื่นเต้นกันไปทั้งโลกคราวนี้  สรุปได้ว่ายังไม่ใช่วันโลกแตกของจริง

การหมดเวลาในปฏิทินเพียงแค่การสิ้นยุค  เพื่อเริ่มยุคใหม่ซึ่งเขาเชื่อว่าจะดีกว่าเดิม

ฟังดูน่าเชื่อน้อยกว่าโลกแตกอีกนะ  ยุคใหม่มันจะดีกว่าได้ยังไงในเมื่อแนวโน้มมันยำ่แย่ลงทุกวัน



หันมามองคัมภีร์เก่า ๆ อย่างคัมภีร์พระเวทของฮินดู  เขาแบ่งช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นสี่ยุด ได้แก่ สัตยยุค  ไตรดายุค  ทวาปรยุค และกลียุค

สามยุคแรกว่ากันว่าน่าจะผ่านไปแล้ว  เป็นยุคที่โลกยังดีๆ อยู่  หรืออย่างน้อยก็ดีกว่าทุกวันนี้  ผู้คนก็ยังมีจิตสำนึก  รู้จักบาปบุญคุณโทษกันอยู่

ส่วนยุคที่เราอยู่เป็นยุคสุดท้าย  เรียกว่ากลียุค หรือยุคมืด

ฮินดูนับถือพระเจ้าสามองค์  คือพระพรหม  เป็นผู้สร้าง  พระนารายณ์เป็นผู้ปราบยุคเข็ญ  ส่วนพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นผู้ทำลาย  แบ่งหน้าที่กันเพื่อรักษาสมดุลของโลก

นั่นคือหลังจากพระพรหมสร้างโลกเอาไว้ดิบดี  แต่ดันมีพวกอสูร ปีศาจ มาร ฯลฯ มาสร้า่งความเดือดร้อน  เกิดยุคเข็ญขึ้นมา  ก็เป็นหน้าที่ของพระนารายณ์จะอวตารลงมาปราบอสูร  ซึ่งก็ปราบแล้วปราบอีกไปหลายรอบ  ลูกหลานอสูรก็ยังไม่หมด  คราวนี้ก็ถึงบทพระอิศวรจะต้องลงมือทำลายให้ราบเรียบไป  โดยลืมพระเนตรที่สามที่อยู่กลางหน้าผากเผาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ลักษณะของกลียุคที่กล่าวไว้นั้น  ก็เหมือนๆ กับที่เราเห็นกันอยู่นี่แหละ  เป็นต้นว่า

ผู้ปกครองบ้านเมืองจะเป็นผู้เหลวไหลไม่มีเหตุผล...ใช่เลย

จัดเก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรม...ใช่อีก ทำไมบางคนมันเลี่ยงภาษี กันได้เยอะแยะ  เราแค่มนุษย์เงินเดือนทำไมเสียภาษีย่อยยับ  แถมยังเอาภาษีเราไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉก  น่าเจ็บใจ

ผู้ปกครองจะไม่เห็นว่าการส่งเสริมด้านจิตวิญญาณเป็นหน้าที่อีกต่อไป...แหงละ  ก็เพราะว่าตัวผู้ปกครองบ้านเมืองเองก็จิตวิญญาณตกต่ำย่ำแย่ จะไปส่งเสริมใครได้

ผู้ปกครองจะทำตัวเป็นอันตรายต่อโลก...อันนี้ก็ใช่นะ  ก็เขมือบทรัพยากรกันซะขนาดนั้น  ไม่เรียกว่าอันตรายต่อโลกแล้วจะเรียกว่าอะไร

ในด้านความสัมพันธ์ของผู้คน  ในกลียุคนั้น  ความโลภและความโกรธแค้นจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา  ผู้คนจะแสดงความเกลียดชังต่อผู้อื่นอย่างเปิดเผย..ใช่เล้ย..ใช่เลย  ใช่เสียยิ่งกว่าใช่

ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าโลภก็สุดๆ ทะเลาะกัน  ด่ากัน  ตบตีกันเป็นเรื่องธรรมดามากจริงๆ ขนาดคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองก็ยังถ่อย ๆ เถื่อน ๆ เต็มไปหมด

ส่วนสภาพอากาศและธรรมชาติ... เมฆจะเทฝนลงมาอย่างไม่มีฤดูกาล....ใช่ๆๆๆ ฝนบ้าอะไรไม่รู้  นึกจะตกก็ตก  บทจะไม่ตก  แห่นางแมว  เซิ้งบั้งไฟยังไงก็ไม่ตก  เอาแต่ใจเสียนี่กระไร

และเมื่อฟ้าดินวิปริต  คนก็วิปลาส  อะไร ๆ มันเป็นอย่างที่ว่า  ท่านก็ว่า  เมื่อนั้นจุดจบของกลียุคมาใกล้แล้ว

เมื่อโลกถึงกลียุค  เชื่อว่าพระศิวะ หรือพระอิศวร จะทรงเปิดพระเนตรดวงที่อยู่กลางหน้าผากมากขึ้น  และโลกจะถูกทำลาย เพื่อคืนสมดุลให้เกิดการสร้างโลกขึ้นใหม่

กลียุคไม่ได้กำหนดเป๊ะ ๆ เหมือนปฏิทินชาวมายัน

แต่มันก็น่าจะใกล้เข้ามาแล้วละ  โลกก็ร้อนจะบ้าตาย  พระอิศวรคงเริ่่มลืมพระเนตรปรือ ๆ แล้ว

ยุคใหม่อาจจะหมายถึงเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่  หมุนกลับไปเริ่มที่พระพรหมกันอีกที

เอาเถอะ  ถ้าจะต้องรบกวนพระพรหมแน่แล้ว  ก็ฝากข่าวไปถึงพระพรหมสักหน่อยก็แล้วกันว่า  สร้างมนุษย์เวอร์ชั่นใหม่  ขอเน้นๆ เรื่องจิตสำนึกหน่อย  เที่ยวที่แล้วมันเจือจางจัง  บางคนดูเหมือนจะขาดหายไปเลยเชียวละ  หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

จนชักไม่แน่ใจว่าฝีมือพระพรหม  หรืออสูรสร้างมากันแน่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น