วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทเพลงแห่งสงคราม

บทเพลงแห่งสงคราม



อินเดียมีวรรณกรรมระดับที่เรียกว่าเป็นมหากาพย์อยู่ ๒ เรื่อง  เรื่องหนึ่งก็คือ รามายณะ  หรือรามเกียรติ์  ซึ่งคนไทยส่วนมากรู้จักดี  ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ มหาภารตยุทธ ซึ่งเรื่องนี้ว่าที่จริงยิ่งใหญ่มาก  และยาวมาก จนได้ชื่อว่าเป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลก  ตัวละครก็มากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว

ภารตะ หรือภราดา แปลว่าพี่น้อง  มหาภารตยุทธก็คือการต่อสู้ระหว่างพี่น้อง  ทั้งนี้เพราะเรื่องราวยาวเหยียดในมหากาพย์เรื่องนี้  ว่าด้วยเรื่องสงครามระหว่างกษัตริย์สองฝ่ายคือ เการพ และปาณฑพ  ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน  โตมาด้วยกัน  ร่ำเรียนมาจากสำนักพระอาจารย์เดียวกัน  แต่ด้วยเกมชิงอำนาจ  ก็ทำให้พี่น้องกลับกลายมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต  ทำสงครามกันย่อยยับไปทั้งสองฝ่าย

มหากาพย์เรื่องนี้  ว่าด้วยเรื่องรบกันไปรบกันมา  สงครามก็สร้างวีรบุรุษขึ้นหลายคนหลายครั้ง ในบรรดาวีรบุรุษสงครามเหล่านี้  ที่โดดเด่นมากก็เห็นจะเป็นพระอรชุน  กษัตริย์วงศ์ปาณฑพ  ที่มีทั้งมีฝีมือและคุณธรรม  และยังเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กับพระกฤษณะ ซึ่งก็คือปางหนึ่งของนารายณ์ที่อวตารลงมาเป็นมนุษย์นั่นแหละ

ว่าที่จริงพระกฤษณะนั้นก็เป็นเพื่อนกับกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย  และทั้งสองฝ่ายก็พยายามจะดึงพระกฤษณะให้เข้าข้างตน  พระกฤษณะไม่รู้ว่าจะตัดสินพระทัยยังไงดี  ก็เลยให้สองฝ่ายเลือกเอาระหว่างตัวพระกฤษณะกับกองทัพ  ทางฝ่ายเการพซึ่้งมีทุรโยธน์เป็นผู้นำเลือกเอากองทัพ  องค์พระกฤษณะก็เลยมาช่วยเป็นสารถีขับรถศึกให้พระอรชุน

ไคลแมกซ์ของเรื่องตอนนี้  คือ เหตุการณ์ตอนที่พระอรชุนเผชิญหน้ากับกองทัพฝ่ายตรงข้าม  มองไปก็เห็นแต่หน้าตาญาติสนิทมิตรสหายคนเคยคุ้นกันมา  กลับถืออาวุธมาเผชิญหน้าฆ่าฟันกัน  ก็เลยเกิดใจอ่อนจะเลิกรบเอาเสียดื้อ ๆ  ตอนนี้แหละ  พระกฤษณะที่ทำหน้าที่สารถีก็เลยร้องเพลงปลุกใจ  ที่เรียกว่า "ภควัตคีตา" หรือบทเพลงแห่งพระภควัน  เป็นเพลงที่เตือนให้คิดถึงหน้าที่  เป็นนักรบต้องรบ  ฆ่าเป็นฆ่า  ตายเป็นตาย  อะไรทำนองนั้น  ซึ่งก็ทำให้พระอรชุนตัดสินใจ "ลุย..."

ท้่ายที่สุดของสงครามมหาภารตะ  ก็คือพี่น้องทั้งสองฝ่ายตายเรียบ  ศพเกลื่อนไปทั้งทุ่งกุรุเกษตรที่เป็นสมรภูมิ

สงครามในมหาภารตะยุทธ  ดู ๆ ก็ไม่ต่างจากสงครามของเพื่อนพ้องน้องพี่บนพื้นแผ่นดินไทยวันนี้  พระกฤษณะก็เป็นยอดนักปลุกระดมไม่ได้ต่างไปจากบรรดานักปลุกระดมที่เราเห็น ๆ กันอยู่  หรือบางทีของบ้านเราอาจจะเหนือชั้นกว่าด้วยซ้ำไป  เพราะพระกฤษณะปลุกใจแค่พระอรชุนคนเดียว  ไม่ถึงกับฮึกเหิมกันไป....ทั้งแผ่นดิน!!

ในตอนท้ายของมหาภารตะ  หลังสงครามจบสิ้นลงพร้อมกับความสูญเสียยับเยิน  ยุธิษฐิระพี่ชายใหญ่ของกษัตริย์ปาณฑพเกิดความรู้สึกสลดหดหู่แทบจะหนีไปบวช  แต่ถูกเคี่ยวเข็ญให้ปกครองบ้านเมืองต่อไป  ก็เลยซังกะตายปกครองบ้านเมืองที่เหลือแต่เศษซ.าก   รอเวลาจนเทวดามาเชิญให้ไปสวรรค์  ส่วนวีรชนคนกล้าที่พลีชีพในสงครามครั้งนั้น  ในเรื่องไม่ได้บอกว่าไปสวรรค์หรือนรก


ส่วนพระกฤษณะ  ยอดนักปลุกระดม  ก็คงไม่เกี่ยว เสร็จพระราชภารกิจแล้วก็คงเสด็จกลับไปประทับนอนเอกเขนกอยู่ที่เกษียรสมุทรโน่น

เหมือนนักปลุกระดมบ้านเราเลย  เสร็จภารกิจแล้ว  ตอนนี้กำลังเสวยสุขอยู่  ใครจะเป็นจะตาย ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็...ไม่เกี่ยว


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น