วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไชโย !!! ประเทศไทย

ไชโย !!! ประเทศไทย




อุ๊ยว้ายต๊ายตาย  คนไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่นี่
ไม่อยากเชื่อ  แต่ก็คงต้องเชื่อ  เพราะผลสำรวจที่ออกมามันฟ้องว่าคนทั้งแผ่นดินกำลังเพิ่มพูนพอกหนี้กันเข้าไว้คนละไม่น้อยเลยเชียวแหละค่ะ  และยิ่งนับวันก็ยิ่งมากขึ้น ๆ ๆ ๆ  เพราะรัฐบาลก็กำลังช่วยสร้างหนี้ให้เป็นกอบเป็นกำด้วยการจัดทำงบประมาณขาดดุลที่ต้องกู้เขามาใช้อย่างไม่บันยะบันยัง  จนขนาดผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังออกมาร้องเตือน  ก็ยังทำเหมือนเสียงจิ้งจกทัก  ก็จะกู้ซะอย่าง  ใครจะทำไม

ด้านสถาบันการเงิน  ตอนนี้ก็ไม่ส่งเสริมให้คนเก็บออมกันแล้วค่ะ  ใครฝากเงินไว้เยอะ ๆ จะไม่คุ้มครองแล้ว  เพราะฉะนั้น  จงเข้ามาสู่ระบบหนี้  เอาเงินมาให้ธนาคารยืมไปลงทุนโน่นนี่นั่น..รับรองได้กำไร  ถ้าไม่ขาดทุนน่ะ่นะ


แต่เงินทุนลงไปแล้วห้ามถอน  ต้องลงทุนระยะยาว ๆ ๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าลงทุนแบบนี้  อย่าเพิ่งรีบป่วย  รีบตาย  เพราะยังถอนเงินต้นคืนมาไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนดสัญญา !!!

ครูก็เป็นหนี้  เกษตรกรก็เป็นหนี้  นักธุุรกิจยิ่งเป็นหนี้กันยกใหญ่  เพราะเป็นยุคจับเสือมือเปล่า  ไม่มีเงินทุนก็กู้มาลงทุน  ได้กำไรก็ใช้หนี้  แต่ถ้าขาดทุน  ก็เลือกเอา  จะเข้าคุก หรือฆ่าตัวตายดี  มีให้เลือกตามอัธยาศัย

หันมาสำรวจตัวเอง  อุ๊ยว้ายตายตายอีกที  ดิฉันก็เป็นหนี้กับเขาเหมือนกันหรือนี่  หลงทรนงตนว่าเป็นคนเสรี  มีอิสระทางการเงิน  ไม่เป็นลูกหนี้  ไม่เป็นเจ้าหนี้อะไรกับใครให้เป็๋นเวรเป็นกรรมกันไปในภายภาคหน้า  ที่ไหนได้  ก็ใบทวงหนี้นี่ยังไง  ทั้งค่าน้ำ ค่าำไฟ ค่าโทรศัพท์  สารพัดค่า ...ส่งมาทุกเืดือน  ให้ไปชำระหนี้ !!!

อนิจจัง  อนิจจา !!!  เราก้าวเข้าสู่สังคมนิยมหนี้  ไม่มีทางหนีพ้นเสียแล้ว


อีนังบัตรเครดิตนี่ก็อีก  ไม่อยากได้อยากดี  ก็ยัดเยียดกันจัง  นี่ก็เรื่องพยายามให้เอาเงินของอนาคตมาใช้  ก็ไม่รู้ว่าใช้ไปๆ  จะหมดอนาคตกันหรือเปล่า

ที่แน่ ๆ ก็คือ  นังตัวนี้แหละที่กระพือกิเลสคนให้ฟุ้งกระจายดีนัก  ถ้าไม่มีบัตรเครดิต  ไปช้อปปิ้งเห็นอะไรยั่วกิเลส  ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีปัญญาซื้อ  หมดเรื่องไป  กลับถึงบ้านก็หายอยาก  แต่พอมีบัตรเครดิต  ไม่มีเงินก็ซื้อได้...ก็ซื้อซิ  บางอย่างซื้อมาแล้วก็มานั่งปลงอนิจจัง  ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้  เต็มบ้านไปหมดแล้ว  แถมยังมีหนี้ติดตัวกลับมาด้วย  จะจ่ายก่อนจ่ายหลัง  ค่อย ๆ จ่ายหรือจ่ายพรวดพราด  ก็ไม่พ้นต้องจ่ายอยู่ดี  แถมบวกด้วยดอกเบี้ยบานเบิก..

กระบวนการยั่วกิเลส  ยุยงส่งเสริมให้คนฟุ้งเฟ้อ  ทุกวันนี้ทะลุทะลวงไปทุกที่  เปิดรายการโทรทัศน์ไม่ว่าช่องไหน  เป็นต้องได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จเสียมากกว่าจริง  ล้วนแล้วแต่ยั่วกิเลสให้ฟุ้งกระจาย

ก้าวเข้าไปในห้างสรรพสินค้าไม่ว่าเล็กใหญ่  ไม่พ้นต้องเจอรายการลดกระหน่ำ  แล้วไม่ว่าที่ไหนอีกเหมือนกัน  ก็มีคนกระหน่ำซื้อจริง ๆ ด้วย

เคยดูหนังตลกเรื่องหนึ่ง  ดาราตลกสาวไปช้อปปิ้ง  พอได้ยินว่าห้างกำลังลดราคาอาหารสุนัข  คุณเธอก็รีับวิ่งไปเข้าคิวซื้อ  เพื่อนสาวที่ไปด้วยทักท้วงว่า  ก็เธอไม่ได้เลี้ยงหมาไม่ใช่หรือ  แม่คุณตอบว่า  ของกำลังลดราคา  ซื้อไปก่อน  แล้วค่อยไปหาหมามาเลี้ยงทีหลัง !!!

สำนวนไทยที่สอนให้ประหยัด มัธยัสถ์  ประเภท "เก็บเล็กผสมน้อย, เบี้ยสามบาทอย่าให้ขาดชายพก" ถึงวันนี้  ก็นับว่าตกยุคไปจริงๆ แล้ว  ใครจะไปนึกถึง  โดยเฉพาะเวลามีของล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า  ซาตานยังมีอิทธิพลเสมอ

ไม่ยังงั้น  นโยบายประชานิยมจะเรียกคะแนนเสียงได้ถล่มทลายหรือ?

หลักสำคัญของประชาธิปไตย คือ เสรีภาพ  เสมอภาค  ภราดรภาพ
ตอนนี้อย่างน้อยเราก็มีอยู่สองหลักแล้ว  คือมีเสรีในการจับจ่าย  และเป็นหนี้กันทั่วหน้า

ไชโย !!! ประเทศไทย  เราเป็นประชาธิปไตยเกินครึ่งใบแล้ว...










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น