หัวใบ้ท้ายบอดเป็นการเล่นแข่งเรือแบบชาวบ้าน เพื่อความสนุกสนาน
กติกาก็คือ คนที่พายหัวต้องใช้ผ้าผูกปาก คือห้ามพูดห้ามบอกทาง ส่วนคนพายท้ายที่ต้องเป็นคนกำหนดทิศทางต้องเอาผ้าผูกตา ไม่ให้เห็นทาง
เรือที่คนพายหัวใบ้ท้ายบอด จึงสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ถ้าเป็นการแข่งหลายลำก็ชนกันเละ ไม่ก็ชนตลิ่ง ชนสะพาน ฯลฯ
แข่งกันแค่ว่า ใครจะล่มก่อนล่มหลังเท่านั้นแหละ
คล้าย ๆ กับการกำหนดนโยบายอะไรต่อมิอะไรเวลานี้
คนที่กำหนดนโยบายไม่รู้ทิศทาง ไม่ได้มองเป้าหมาย เอาแค่ถูกใจมวลชน อยากได้อะไร จัดให้..
ส่วนจะนำพาไปสู่อะไร ? ไม่รู้...
ส่วนคนที่พอจะรู้ก็ปิดปาก เล่นบทใบ้ไม่ทักไม่ท้วง จะไปทางไหนก็ไป ล่มเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
เราจึงได้เห็นนโยบายไร้ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก รับจำนำข้าว เพิ่มค่าแรง ฯลฯ ล้วนได้ใจมวลชน ส่วนปัญหาอะไรจะตามมา คนให้นโยบายไม่เกี่ยว ใครเจอปัญหาก็แก้ปัญหากันไปก็แล้วกัน
รวมทั้งนโยบายการศึกษา ที่ว่าด้วยเรื่องทรงผม มาจนถึงประชานิยมเอาใจคุณหนู ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ไม่อยากทำการบ้านก็ไม่ต้องทำ
ส่วนโจทย์ปัญหาของการศึกษาไทยที่ว่าผลการเรียนของเด็กต่ำเตี้ย เด็กเรียนจบประถมอ่านหนังสือไม่ออก จบมัธยมเขียนหนังสืออ่านไม่รู้เรื่อง ไปจนถึงระดับอุดมศึกษาทำงานอะไรก็ไม่เป็น ปรากฏว่าตอนนี้ยังไม่มีทิศทางนโยบายอะไร เพราะเผอิญมองไม่เห็นทาง
ก็เลยกลายเป็นนโยบาย "เรียนสนุก ลุกนั่งสบาย ครูสอนตลก เด็กสอบตกมากมาย" เอาใจมวลชนไว้ก่อน
คิดถึงพระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ ๖ ที่ว่า
"หนทางสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับด้วยดอกไม้
หอมอวลยวนจิตไซร้ ไป่มี"
ผลการศึกษาเขาค้นพบมาตั้งนานแล้วว่าที่การเรียนของเด็กไทยตกต่ำย่ำแย่ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะไอคิวต่ำเตี้ยกว่าเขาอื่น แต่เพราะขาดความมุ่งมั่น ขยันน้อย ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ในขณะที่เด็กประเทศอื่นเขามุ่งมั่นกว่า เขาก็เลยนำหน้าไปลิ่ว ๆ
วิสัยทัศน์การศึกษายุคนี้ ก็คือมุ่งเตรียมคนให้มีศักยภาพสำหรับอนาคต เพื่อก้าวสู่ตลาดแรงงาน จึงเน้นให้โรงเรียนเป็นโรงฝึกงาน ฝึกให้เด็กมีความรู้ ทำงานให้เป็นเสียตั้งแต่ตอนเรียน จะได้เป็นการสร้างนิสัยและพื้นฐานตั้งแต่ต้น
มาเจอนโยบายเรียนน้อย ไม่ต้องทำงาน ก็เหมือนคนคัดท้ายพาหลงทิศ
มีตลาดแรงงานที่ไหนบ้าง อยากได้คนที่ความรู้ก็น้อยนิด ความชำนาญก็ไม่มี แถมยังขาดความมานะ อดทน แค่ทรงผมสวยอย่างเดียวคงไม่พอหรอกนะ
ถ้าจะอ้างเรื่องเครียด ไปถามคนทำงานทุกวันนี้ มีงานอะไรที่ไม่เครียด
ยิ่งที่ทำงานที่มีผู้บริหารบ้าๆบอๆ ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
ไม่ฝึกบริหารความเครียดเสียตั้งแต่ตอนเรียน ไปทำงานจริงมีหวังสติแตก
ก็ขนาดผู้ใหญ่ ผ่านการเรียน การทำงานมานักต่อนักแล้ว
มาเห็นการบริหารแบบหัวใบ้ท้ายบอดตอนนี้ ยังเครียดเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น